วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เพื่อนมาลา

เรื่อง "เพื่อนมาลา"เป็นเหตุการณ์ตรงของผมเองโดยตรงคือสมัยปี95 ผมเรียนอยู่โรงเรียนประจำ ชื่อดัง แถวศรีราชา ก็เป็นเด็กประจำไป โรงนอนของนร.ประจำก็จะคล้ายๆ โรงนอนของทหารนั่นแหละ เป็นเตียงสองชั้นวางเรียงกันเป็นตับ



สองร้อยกว่าเตียง เพียงแต่ติดแอร์ อยู่อย่างสบาย ก็เท่านั้นในสมัยนั้นผม ซี้กับเพื่อนคนนึง บ้านอยู่เมืองชลแต่ดันมาอยู่ประจำ ชื่อว่า"จักร"ไอ้จักร เป็นคนที่หน้าตาผ่องใส ปากอมชมพู หน้าตาดีครับ ว่าง่ายๆ แล้วก็มีพี่สาวอยู่ม.ปลาย



ชื่อว่าดาวก็เฮฮา สนุกสนานครับ ชีวิตวัยเรียน แต่วันที่เกิดเรื่อง ทำเอาชีวิตผมได้ รู้จักคำว่า "วิญญาน เป็นครั้งแรก และหลังจากนั้นก็มาอีกเรื่อยๆผมตอนนั้นก็ฟังเรื่องผี บ้างทั้งแอบเอาซาวด์เบาท์ ไปแอบฟัง



ที่ดาดฟ้า (อยู่ศรีราชา มันไม่สัญญาน ต้องไปตะเวนหาคลื่นฟัง) ก็ฟังรายการคุณป๋องนี่แหละครับ ฟังมาตั้งแต่สิบเอ็ดขวบ ยันยี่สิบเจ็ดแล้ว ตอนอยู่ดาดฟ้าก็น่ากลัวครับ แต่มีพวกรุ่นพี่เต็มไปหมด มาแอบฟังบอลกัน



พากย์โดยตำนานอย่าง ย.โย่ง ส่วนพวกผมฟังเรื่องผี ฮ่าฮ่ากลับมาเข้าเรื่องดีกว่า ออกไปซะไกล คืนเกิดเหตุ เป็นคืนวันอาทิตย์ ผมก็เข้านอน ตามปรกติ เพื่อนผมที่ชื่อจักร ก็ไม่ได้กลับมา ปรกติต้องกลับมาตอนเย็นวันอาทิตย์



ถ้าขอกลับบ้านวันศุกร์ แต่ผมคิดว่า บ้านมันโชคดีอยู่แค่เมืองชล มาเรียนตอนเช้าก็คงสบายๆ ก็ไม่ได้ เอะใจอะไรคือ"จักร" เพื่อนผมคนนี้ เค้ากลับทุกวันศุกร์ไปเรียนพิเศษ ที่เมืองชลครับพอนอนไป ผมรู้สึกหนาวมาก



ก็ตื่นขึ้นมากลางดึก ผ้าห่มหายครับ ผมก็คิดว่าสงสัยนอนดิ้นจนผ้าห่มมันตก ตอนแรกก็จะคว้าหา แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ได้ยินเสียง "วู้.........." เป็นเสียงแบบ ทิวสน มันโดนลมพัดแบบแรงๆครับ



ก็เลยกลั้นใจกอดตัวเองนอนทนหนาวไปตอนที่ทนหนาวก็สงสัยว่า เกิดมาไม่เคยนอนทำผ้าห่มตก (เพราะผมเป็นคนนอนติดผ้าห่ม จะร้อนหนาวห่มไว้ก่อน) ทุกวันนี้ก็ไม่เคยทำตกเลยซักครั้ง ยกเว้นคืนนั้นและเสียงที่รอดเข้ามา



มันมาได้ไง ทั้งที่ห้องนอนเป็นห้องแอร์ ปิดหน้าต่างมิดชิด คิดไป เพลียไป ก็เผลอหลับ แล้วก็สะดุ้งตื่นมาอีกครั้ง เพราะความหนาว หนาวมากครับ แต่คราวนี้ ได้ยินเสียงฝนตก แอร์ก็ปิด หน้าต่างบานเกร็ด เปิด ไอ้เสียงทิวสน



ที่ดัง "วู้ ..... วู้ " นี่หนักกว่าเดิม เสียงมันแทรกมาดังกว่าเสียงเม็ดฝนกระแทกหลังคาซะอีก ผมกลั้นใจครับ หลับหูหลับตา เอาขาลากผ้าคลุมเตียงบางๆ ที่โรงเรียนแจกให้คลุมตอนเก็บเตียงทุกเช้ามาห่ม



จิตใจผม รู้แล้วละครับ ว่าวันนี้มันแปลกๆ แต่ก็ไม่คิดอะไร ก็นอนตอน ด้วยความเพลียก็เผลอหลับไปอีกครั้งครับ คราวนี้ก็ต้องตื่นมาอีกครั้งเนื่องจากผ้าคลุมเตียงที่เอามาห่มนั้น ก็หายไปอีกแล้วครับ



ผมหนาวก็เลยตื่นขึ้นมาผมรู้แล้วครับว่าตัวเองโดนแล้ว ที่เคยได้ยินมาว่ามีผีที่ชอบดึงผ้าห่มก็โดนเข้ากับตัวก็คราวนี้เอง ตื่นขึ้นมาก็หลับตาตลอดครับ ไหนๆก็จะโดนหลอกอยู่แล้ว ขอไม่เห็นก็แล้วกัน



เสียงฝนก็ยังตกอยู่ครับ หนักพอสมควร ก็ได้ยินเสียงครับ เป็นเสียง เหมือนเสือมันกัดกันครับ เสียงมันเป็นประโยคๆ เนี่ยแหละ แต่ฟังไม่รู้เรื่องครับเหมือนเสียงสัตว์ ผมก็ขดตัว พยายามฝืนหลับครับ



เสียงก็อยู่ข้างหลังผม(ผมนอนตะแครงขวา) จนผมก็เผลอหลับไปอีกแล้วครับครั้งที่สี่ ผมตื่นมา อีกครั้ง (ด้วยความหนาว) ฝนข้างนอกก็เบาลง ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินรอบตึก หมามันก็ตามเห่าไปเรื่อยครับ



แต่แปลกตรงที่ผมไม่กลัวเสียงเดินนี่เลย กลับรู้สึกอุ่นใจ ทั้งๆที่รู้ก็รู้ว่าไม่ใช่เสียงฝีเท้าคนแน่นอนครับพอรู้สึกดีแล้ว ซักพักผมก็หลับไป คราวนี้ผมฝันครับ เห็นเพื่อนมายืนอยู่ที่ปลายเตียง หน้าซึมๆ แล้วมันก็ยิ้มให้เล็กน้อย



ซักพักผมก็ตื่นด้วยเสียงออด ที่ทางหอ เค้าเอาไว้ปลุกเด็กกันผมตื่นขึ้นมา ด้วยความเพลียเหมือนไม่ได้หลับได้นอนเลย แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อ รู้สึกว่า แอร์มันเปิด แล้วหน้าต่างมันก็ปิด ระหว่างอาบน้ำ ผมก็คิดไปพลางว่า



ถ้าฝนตก มีคนไปเปิดหน้าต่าง ไม่แปลก แต่แปลกตรงที่ จะเช้าแล้วใครจะทะลึ่งไปปิดแล้วมาเปิดแอร์ใหม่?หน้าต่างมีไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบ บาน ใครมันจะมานั่งหมุนบานเกร็ด ???ผมก็คิดแล้วคิดอีก



บวกกับเรื่องที่เจอเมื่อคืนก็สรุปได้ว่าน่าจะโดนผีหลอก แต่ทำไม คนนอนตั้งสองร้อยคน มาโดนผมคนเดียว??ด้วยความข้องใจ พออาบน้ำเสร็จ ระหว่างแต่งตัวผมก็ถามเพื่อนล็อคเกอร์ข้างๆว่า เมื่อคืนฝนตกหนัก



มึงรู้เปล่า?เพื่อนผมทำหน้างง บอกเมื่อคืนกูลุกไปฉี่ ไม่เห็นมีอะไรเลย ผมก็งงครับ แต่งตัวเสร็จก็รีบวิ่งออกไป หน้าหอ เหลือเชื่อครับ มีแต่รอยคราบน้ำค้าง แต่ไร้ซึ้งความเปียกแฉะ ของฝนที่กระหน่ำเมื่อคืน!!!!พอจังหวะเงยหน้ามาเห็นพี่สาวเพื่อนผม



นั่งร้อไห้อยู่ข้างหน้าตึกครับ ผมก็เหมือนรู้สึกแล้วว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ พี่เค้าเห็นหน้าผม แล้วก็เดินมาบอกผมทั้งน้ำตาว่า "จักรตายแล้ว" ผมก็ตกใจ ถามพี่เค้ากลับว่า"จริงเหรอพี่?" "ไปโดนอะไรครับ"?พี่สาวเค้าก็เล่าว่า



จักรขับรถกลับจากที่เรียนพิเศษ โดนสิบล้อ เบียดลงข้างทาง รถคว่ำ ตายเมื่อวันศุกร์ เย็นๆระหว่างที่พวกเพื่อนกลุ่มผมมาสมทบกันปลอบพี่เค้า ผมก็นั่งคิดว่า หรือเมื่อคืนคือ ไอ้จักร? เป็นคืนที่สามพอดี พอคิดได้แบบนั้น



ผมก็นึกเสียใจที่น่าจะลุกมาคุย หรือสื่อสารกับเค้ากลับ แต่ผมพยายามปิดตัวเองเพราะความกลัวทั้งคืน งานศพ อะไรก็ผ่านไป แต่ทุกคนที่อยู่รุ่นผมก็ยังคงไม่ลืมเพื่อนผมคนนี้แน่นอน ว่าเป็นคนแรกที่ตายในรุ่น



ต่อจากนั้นก็มีเพื่อนผมอีกคนชื่อ โจ และปีย์ (ปีย์ชนิต โป..โต้) ก็เคยฝันถึงอยู่เหมือนกันครับ ว่านั่งเรียนกัน เล่นกัน แล้วไอ้จักร ก็ชวนผมไปที่โรงอาหาร แต่มันพูดว่า" ไปกับกูเปล่า?"ผมก็ฉุกนึกขึ้นมาได้ว่ามันตายไปแล้ว



ก็บอกไปว่า "ไว้ก่อน เดี๋ยวกูค่อยตามมึงไปทีหลังแล้วกัน"มันก็พยักหน้า แล้วก็เดินหายไป ส่วนผมก็ตื่น ขึ้นมานั่งคิด ส่วนเรื่องไอ้ปีย์ หลังจากที่มันออกเทปไปซักพัก ก็มีชวนผมไปดูหนังรอบสื่อ ที่เมเจอร์



เรื่องที่บริทนีย์เล่น ชื่ออะไรซักอย่างจำไม่ได้ ก็ไปดูกับพวกมัน แล้วก็แยกย้ายกันไป หลังจากนั้นซักปี นึง ผมก็อยู่ๆก็ฝันถึงมัน เช้ามาผมขับรถไปทำงาน ผ่านเมเจอร์ รัชโย ก็นึกได้ว่า เออ ครั้งล่าสุดมาดูหนังกับมันก็ที่นี่ นี่นา



มันจะเป็นยังไงบ้างวะตอนนี้ คิดไม่ทันเสร็จ เพื่อนผมก็โทร บอก เฮ้ย มึงได้ข่าวไอ้ปีย์ มันยัง ผมก็สวนกลับ เออกูกำลังคิดถึงมันอยู่พอดี มันเป็นยังไงบ้างวะ? นี่กูคิดถึงมัน มึงก็โทรมาบอกข่าวกูเรื่องมันเลย



บังเอิญจริงๆ มันจะออกชุดใหม่ใชมั้ย?ผมใส่เป็นชุดด้วยความดีใจในความบังเอิญ ส่วนเพื่อนผมก็เงียบ แล้วก็บอกว่า กูเห็นในข่าวบอกว่าไอ้ปีย์ เพื่อนมึง มันตาย กูเห็นว่ามึงสนิทกัน กูเลยโทรมาบอกผมขับรถอยู่



ผมอึ้งครับ จอดรถตรงฝั่งตรงข้ามศาลทันทีแล้วก็ถามว่า ตายตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ไหน?เพื่อนผมมันก็บอกไม่รู้เห็นข่าวบอกว่าตายก็แค่นั้น แล้วก็โทรหาผมเลยแล้วผมก็ไปงานศพเพื่อน เจอพวกเพื่อนเก่าๆ มากมายแล้วก็คุยกัน



แม่เค้าก็เล่าให้ฟังว่า หมอเค้าชันสูตร บอกว่าปีย์ เค้าโดนช็อด จากเครื่องทำน้ำอุ่น กระเด้งออกมา หัวกระแทกพื้น แต่ยังไม่ตายทันที ต้อง ลืมตาดูฝ้าอยู่หลายชั่วโมง จนตาย ที่ขยับตัวไม่ได้เพราะเลือดคั่งในสมองผมฟังแล้วก็หดหู่



แถมข่าวก็บอกว่ากว่จะพบศพก็หลายวัน น้องมันเปิดมาเจอ เรื่องก็มีเท่านี้แหละครับ



สำหรับเรื่องผีเพื่อนผมก็ขอกราบอนุโมทนา ส่วนบุญกุศลให้เพื่อนด้วย ขอบคุณที่ติดตามนะครับ




Credit : www.shockfmclub.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น