วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ซาเล้งจากปรโลก

พิไลพร" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากคลองประปา

ดิฉันเคยเห็นและเคยได้ยินเสียงพวกซาเล้ง หรือเจ๊กขายขวดมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่อยู่ดินแดนมาจนขึ้นใจ และเคยนำมาล้อเล่นกับเพื่อนฝูงอยู่บ่อยๆ ด้วยความสนุกสนานตามประสาเด็ก

"มีขวกมาขายโอ๊ย! มีขวก มีเสกเหล็ก มีกาดาดหนัง สือพิมพ์มาขายโอ๊ย!"

จนกระทั่งเติบโตและมีครอบครัว ย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านแถวๆ ริมคลองประปาก็ยังมีซาเล้งทั้งชายและหญิง หนุ่มและแก่ถีบรถเข้ามาในหมู่บ้าน ดีดกระดิ่งบ้าง ร้องเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้านบ้าง

"มีขวดมาขาย มีกระดาษเก่ามาขาย..."

แต่ละบ้านล้วนมีกระดาษหนังสือพิมพ์ กล่องนมและกล่องทิชชูไปจนถึงขวดน้ำพลาสติก เป็นลำไพ่ก็มี เป็นการระบายขยะรกบ้านก็มี ดิฉันเองน่ะยกขวดเปล่าให้ซาเล้งเจ้าประจำไปเลย จะคิดเงินบ้างก็เฉพาะหนังสือพิมพ์เก่าและกล่องเปล่าเท่านั้นแหละค่ะ

เพื่อนบ้านบางคนก็มาบอกด้วยความหวังดีว่าพวกซาเล้งมักโกงตาชั่ง ระวังให้ดี! แต่ดิฉันหัวเราะเฉยเสีย...เขาจนกว่าเราค่ะ!

ขาประจำของดิฉันคือจีนชรารูปร่างผ่ายผอม ผิวเหี่ยวย่น ผมขาวโพลนชอบสวมหมวกแก๊ปสีแดง ฟันฟางแทบจะหมดปากแล้ว พวกซาเล้งคันอื่นๆ มาแต่เช้า หรือไม่ก็ตอนบ่ายจัด แต่ตาแป๊ะที่ว่ามักมาตอนเย็นๆ ได้ยินเสียงกระดิ่งของแกก็จำได้ทันที

ส่วนมากจะมาตอนบ่ายๆ วันเสาร์หรืออาทิตย์ที่ดิฉันหยุดงานอยู่กับบ้าน

ต่อมา มีข่าวว่าซาเล้งบางคนทำตัวเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ก็คนร้ายปลอมเป็นซาเล้ง เห็นบ้านไหนไม่มีใครอยู่ก็ฉวยโอกาสเข้าไปหยิบฉวยข้าวของมีค่า จนถึงกับบุกรุกเข้าไปจี้เจ้าของบ้านก็มี!

เมื่อเรื่องนี้หนาหูขึ้น ทางหมู่บ้านก็ติดป้ายห้ามซาเล้งเข้าไปเด็ดขาด...ตาแป๊ะซึ่งเป็นเจ้าประจำของดิฉันก็เลยหายหน้าไป

อันที่จริงก็ไม่ถึงกับเดือดร้อนหรอกค่ะ เพราะคนในหมู่บ้านต้องทิ้งขยะทุกวันอยู่แล้ว ตรงหัวมุมซอยบ้านดิฉันมีถังขยะขนาดใหญ่ของ กทม.ถึง 3 ถัง สำหรับแยกประเภทขยะเปียก ขยะรีไซเคิลและขยะอันตราย แต่ส่วนมากก็ทิ้งกันมั่วตามนิสัยตามใจคือไทยแท้!

หลังจากไม่มีซาเล้งเข้ามาในหมู่บ้านราวเดือนเศษ ดิฉันก็พบกับเรื่องแปลกประหลาดที่ชวนให้ขนหัวลุก

คืนหนึ่ง ดิฉันกำลังเคลิ้มหลับอยู่กับสามีและลูกชายวัยสามขวบ ก็มีเสียงคุ้นหูดังแว่วเข้ามาจนลืมตาตื่น นึกทบทวนว่าได้ยินเสียงอะไรกันแน่?

ครู่เดียว เสียงนั้นก็ดังขึ้นจนได้ยินชัดเจน เสียงกระดิ่งของซาเล้งค่ะ!

ตอนแรกดิฉันยังงุนงงอยู่ อาจจะเป็นเพิ่งจะงัวเงียขึ้นมาก็เป็นได้ สงสัยอยู่ว่า ทำไมซาเล้งถึงได้เข้ามาตอนดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้นะ? แต่พริบตาต่อมาก็นึกขึ้นได้ว่า...เขาห้ามซาเล้งเข้าหมู่บ้านแล้วนี่นา! เกือบจะเป็นเวลาเดียวกันนั่นเองที่ดิฉันจำได้ว่าเสียงกระดิ่งอันคุ้นเคยหู ก็คือกระดิ่งของตาแป๊ะขาประจำนั่นเอง!

แกอาจจะเล็ดลอดยามเข้ามาก็เป็นได้? แต่ทำไมถึงมาเอาป่านนี้? หรือว่าแกมีบ้านช่องอยู่ในละแวกนั้น? ขณะที่เสียงกระดิ่งค่อยๆ ห่างไกลเข้าไปด้านใน จนกระทั่งเงียบหายไป....

แต่ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับต่อ เสียงแว่วๆ ของกระดิ่งอันเดิมก็ดังใกล้เข้ามา ท่ามกลางความเงียบเชียบเยือกเย็น ใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามาทุกที!

วูบหนึ่ง ดิฉันรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงหัวใจด้วยความหวาดระแวงบางอย่าง...พอดีเสียงกระดิ่งคุ้นหูมาดังขึ้นหน้าบ้าน....ดังอยู่เช่นนั้นและไม่มีวี่แววว่าจะห่างออกไปเลย

ปากคอแห้งผากเป็นผุยผงไปหมด แต่ความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่าทำให้ลุกจากเตียงไปแหวกม่านหน้าต่าง มองผ่านมุ้งลวดออกไปยังถนนซอยหน้าบ้านที่มีแสงไฟฟ้าส่องให้เห็นรถซาเล้งคันนั้น...ตาแป๊ะสวมหมวกแก๊ปแดงคนนั้น กำลังเงยหน้ามองขึ้นมา

ดิฉันชาวาบไปทั้งตัว เข่าอ่อนแทบจะล้มแผละลง ทั้งๆ ที่เป็นใบหน้าอันคุ้นเคย นัยน์ตาเบิกค้างมองดูใบหน้าเหี่ยวย่นยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะโบกมือเหี่ยวแห้งเหมือนจะกล่าวคำอำลา....ซาเล้งคันนั้นจะค่อยๆ เคลื่อนห่างหายลับไปจากแสงไฟและม่านน้ำตาของดิฉันเอง!

ขนหัวลุก-ใบหนาด

1 ความคิดเห็น:

  1. เรื่องนี้ออกแนว ดราม่าไปหน่อย ไม่น่ากลัว และไม่สมจริง

    ตอบลบ