วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เรื่องเล่าสยองของเด็กมหาลัย

สถานที่เกิดเหตุ : ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ ตึก A
เริ่มต้นที่ตึกวิศวกรรมศาสตร์ หากใครที่เคยขึ้นไปบนชั้น 5 ของตึก A เมื่อก่อนจะมีศาล ตั้งอยู่ในห้อง น้ำหญิงด้วย แต่ตอนนี้ศาลถูกย้ายมาหลังตึก A แล้ว รุ่นพี่เล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนมีผู้ชายคณะวิศวะไปจีบ สาวที่คณะสถาปัตย์ แล้วในที่สุดก็เป็นแฟนกัน ตอนหลังผู้ชายคณะวิศวะขอเลิก เธอเสียใจมาก ตามไปง้อขอคืนดีกับผู้ชาย แต่เขาไม่ยอมคืนดีด้วย หญิงสาวคนนี้เลยคิดสั้นผูกคอตายในห้องน้ำหญิงของตึก หลังจากนั้นมาก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะที่ชั้น 5 มักจะได้ยินเสียงแปลกๆ หรือเห็นเงาคนเดินอยู่ แต่พอดูจริงๆ ก็ไม่มีใครเลย หรือมีคนเคยเล่าว่าหากใครไปเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ จะเหมือนมีคนเข้าห้องน้ำห้องข้างๆ ด้วย หรือถ้าส่องกระจกก็จะเห็นผู้หญิงยืนอยู่ด้านหลัง

บันไดหลอกผีที่ตึก B
ที่ตึก B ถ้าใครเคยเข้าไปจะมีบันไดแปลกๆ ตั้งไข้วกันไปมาแบบเล่นระดับขึ้นไปเรื่อยๆ เห็นครั้งแรก จะรู้สึกว่าสวยดี แต่หากสังเกตจะพบว่ามีความแปลกอยู่ โดยสถานที่ตรงบันไดนั้นเคยเป็นลิฟต์มาก่อน แล้วตอนก่อสร้างมีคนงานตกลงมาตาย เขาเลยแก้เคล็ดด้วยการไม่สร้างลิฟต์ขึ้นมาอีก เปลี่ยนมาเป็นบันไดแทน และทำเล่นระดับไว้หลอกผีอีกด้วย

ตึกทรงไทย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
ตึกทรงไทยนี้สร้างมานานพอๆ กับอายุของมหาวิทยาลัย เขาเล่ากันมาว่าตอนที่จะสร้างตึกเรือนไทย ได้มีการขุด ดินก่อนจะเริ่มตอกเสาเข็ม แต่พอขุดไปสักพักกลับเจอโครงกระดูกเต็มไปหมด แต่ไม่มีส่วนหัว พอสืบไปสืบมา ปรากฎว่าส่วนหัวถูกนำไปฝังไว้ตรงคณะวิทย าศาสตร์ เท่าที่เล่าลือกันมา เมื่อก่อนบริเวณตรงนั้น เป็นแหล่งซ่องสุมของโจรแขก แล้วเจ้าคุณทหารฯ ก็เป็นคนที่โหดเยมเลยฆ่าตัดหัวทิ้ง แบบไม่ให้ไปผุดไป เกิดเพื่อจะได้เป็นผีเจ้าที่คอยเฝ้าดูแลสถานที่นั้นๆ ต่อมาเจ้าคุณทหารฯ ได้บริจาคที่ดิน บริเวณนี้เพื่อการศึกษา พื้นที่ตรงนั้นเจ้าที่แรงมากจึงได้มีการสร้างศาลพระภ ูมิไว้ และถูกปล่อยให ้เป็นที่โล่งกว้างสืบไปสืบมาที่ตรงนั้น คือลานประหารมาก่อนด้วย ทุกวันนี้ตึกทรงไทยก็ยังน่ากลัวอยู่ เพราะเป็นตึกเก่าๆ โทรมๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ บรรยากาศวังเวงสุดๆ


เจอมากับตัวเอง
ที่เจอจังๆ ก็มีตอนที่เรียนอยู่ปี 1 เทอม 2 ตอนนั้นมีแฟนแล้วแฟนพาไปขับรถเล่นตอนกลางคืน ด้วยความมืดของมหา’ลัย บริเวณคณะเกษตรอุตสาหกรรม ซึ่งในบริเวณนั้นมีตึกร้างเยอะ แล้วอยากโรแมนติกเลยจอดรถดูดาวกันแถวสระน้ำ แล้วก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ “ฟ้าาาาาาาา” ยาวๆ เบาๆ ลอยมาตามลม แฟนก็ได้ยินชัดเหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าเพื่อนแต่พอมองดูจริงๆ ไม่มีใครเลยแม้กระทั่งยาม หลังจากนั้นเรากับแฟนก็มองหน้ากันแล้วรีบออกรถไปเลย

เพื่อนเล่าให้ฟัง
เป็นเรื่องของเพื่อนภาคศิลปะอุตสาหกรรม เคยไปบนตรงศาลพระภูมิที่คณะแล้วลืมแก้บน จนผ่านมาได้ 2 อาทิตย์ เพื่อนคนนั้นต้องทำงานและกลับดึกอยู่บ่อยๆ จนวันหนึ่งเพื่อนก็เห็นเงาดำๆ ตรงหน้าศาล พระภูมิ ยืนชี้นิ้วมาหา วันรุ่งขึ้นเพื่อนคนนั้นต้องรีบไปแก้บนเลย เพื่อนบางคนเห็นผู้หญิงสวมชุดไทย นั่งอยู่ตรงบันไดตึก ทรงไทย บางคนเห็นผู้ชายนุ่งโสร่งกับผู้หญิงใส่ชุดแขกนั่งอยู ่ใต้ตึกทรงไทยนั้นด้วย บางทีเห็นเงาคนกระโดดลงมาจากตึกทรงไทยนั้นแล้วหายไปก ็มี

ฝากบอกรุ่นน้อง
สิ่งที่ดีที่สุดคืออย่าไปลบหลู่ท้าทาย น้องคนไหนที่ไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่ เพราะเราเรียน และอาศัย อยู่ในสถาน ที่นี้ หากเกิดอะไรขึ้นมาอาจถึงขนาดเรียนไม่จบเลยก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น