วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันอำลา

"นิธิศา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบางอ้อ

เขาว่าคนที่โดนผีหลอกเป็นคนเคราะห์ร้าย เพราะหลังจากนั้นจะประสบแต่เคราะห์กรรมต่างๆ นานา ดิฉันเองเคยถูกผีหลอกเต็มเปา...บอกตรงๆ ว่าตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องเคราะห์ร้ายหรือโชคดีอะไรเลย

คิดอยู่อย่างเดียวว่า ไม่ช็อกตายคาที่ก็ถือว่าเป็นบุญกุศลเหลือสติกำลังแล้วค่ะ

ขอเล่าเรื่องขนหัวลุกเลยนะคะ!

ดิฉันเป็นคนบางอ้อมาแต่อ้อนแต่ออก บ้านช่องอยู่ในสวนเปลี่ยว ถึงแม้จะมีซอยตัดเข้ามาก็จริง แต่สองข้างทางมีแต่ต้นไม้น้อยใหญ่ร่มครึ้ม บ้านช่องก็มีน้อย ยังดีที่ไม่ค่อยมีโจรผู้ร้าย ยกเว้นแต่เรื่องผีๆ สางๆ ที่เล่าสู่กันฟังจนกลายเป็นของธรรมดาไปแล้ว

ต่อมาบ้านเมืองเจริญขึ้น สวนกลายเป็นบ้านจัดสรร ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว ร้านรวงผุดสะพรั่งที่ริมถนนและต้นๆ ซอยทั้งสองฟากฝั่ง มิจฉาชีพเริ่มมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ก็มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างช่วยให้เข้าออกได้สะดวกและปลอดภัย...ถือว่าทันกันทั้งด้านบวกและลบ ตามความ

เจริญของบ้านเมือง

นับวันบ้านช่องก็ผุดขึ้นหนาแน่นสองฝั่งซอย เหลือที่ว่างๆ อยู่น้อยเต็มที

ซอยที่ผ่านหน้าบ้านดิฉันเข้าไปหน่อยก็ตัดลึกเข้าไปทุกที แถมคดเคี้ยวไปจนลับตา แต่ดิฉันไม่ได้ไปดูว่าลึกล้ำเข้าไปถึงไหน เพราะเช้าขึ้นมาก็นั่งมอเตอร์ไซค์ต่อรถเมล์ที่ปากซอยไปที่ทำงาน ตกเย็นหรือใกล้ค่ำก็มาขึ้นมอ

เตอร์ไซค์กลับบ้านเป็นประจำ

"ลุงนาค" คือ คนขี่รถรับจ้างที่กลายเป็นขาประจำกันไปโดยปริยาย เพราะมักจะพบกันแทบทุกวัน ตอนเช้าก็มาจอดรถรอที่หน้าประตูรั้ว ตกเย็นก็มักรอรับอยู่เสมอ

ซอยนี้มีที่น่ากลัวก็คือรถราต่างๆ ขับเร็วมาก เพราะความคึกคะนองหรือถนนโล่งๆ ก็ไม่ทราบแน่ชัด แน่ล่ะค่ะ ย่อมเกิดอุบัติเหตุบ่อยหน ตั้งแต่บาดเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงสาหัสกระทั่งลุงเสียชีวิตคาที่ บางรายก็ไปตาย

โรงพยาบาล

เสียงชาวบ้านร่ำลือว่าผีดุย่อมเป็นเรื่องหนีไม่พ้น!

ตอนดึกๆ มีเสียงหมาหอนระงมหัวซอยท้ายซอย มีคนเห็นร่างโชกเลือด บาดแผลเหวอะหวะเดินร้องห่มร้องไห้บ้าง รถมอเตอร์ไซค์ที่แล่นฉิวโดยไม่มีคนขับบ้าง ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดสุดขีดบ้าง...ฟังแล้วนึกขำก็มี บางทีก็ขนลุกซู่เลยค่ะ

ลุงนาคขับรถเร็วในตอนแรกๆ จนดิฉันต้องขอร้อง อ้างว่าเป็นโรคหัวใจขอให้ขับช้าๆ หน่อย...ความจริงก็คือกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ลุงนาคก็ทำตามอย่างว่าง่าย...แต่ถ้าแกรับผู้โดยสารคนอื่นเป็นห้อตะบึง บางทียังหันมามองดิฉันที่อยู่ริมรั้วตอนเย็นๆ แล้วยิ้มให้ด้วยซ้ำ...ผมเห็นแก่คุณนะเนี่ย!

วันหนึ่งดิฉันก็ต้องประสบกับความงุนงง ใจหายวับ ตกตะลึงไป ลงจากรถเมล์ตอนเย็นจะเข้าซอยก็ได้ทราบข่าวว่าลุงนาคถูกรถกระบะชนที่หน้าบ้านดิฉันแล้วรีบบึ่งหนีไป ส่วนลุงนาคคอหักตายคาที่

ดิฉันขาสั่นแทบยืนไม่อยู่ เมื่อรู้ว่าแกส่งดิฉันแล้วรีบบึ่งไปรับเด็กนักเรียนขาประจำที่ก้นซอย แต่ก็มาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตเสียก่อน

ถึงแม้จะคุ้นเคยกันในระยะหลังๆ แต่ก็ไม่สนิทสนมถึงกับไปงานศพลุงนาค นอกจากทำบุญใส่บาตร แล้ว

กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เท่านั้น...ตกกลางคืนก็อุปาทานว่าได้ยินเสียงรถของแกแล่นชะลอผ่านไป บางทีก็หยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แต่ดิฉันไม่กล้าลุกออกมาดู

จนกระทั่งถึงวันขนหัวลุก!

ดิฉันกำลังจะเปิดประตูรั้วออกไปทำงานตอนเช้าวันฟ้าครึ้มฝน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่มมาทางปากซอย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้นึกถึงลุงนาค...ก็พอดีรถคันนั้นแล่นเข้ามาแล้วเสียหลักกะทันหันคล้ายถูกชนเสียง "โครม!" ก่อนที่จะกลิ้งเค้เก้ไปยังรั้วอิฐฝั่งตรงข้าม

นรกเป็นพยาน ลุงนาคนั่นเองที่ประคองลุกขึ้นมาทั้งๆ ที่ร่างโชกเลือด...ดิฉันยืนตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหิน หรือตกอยู่ในความฝันสุดสยอง เบิกตาจ้องมองลุงนาคผู้ขึ้นนั่งคร่อมอาน หันมายิ้มเศร้าๆ รววกับจะเอ่ยคำอำลาก่อนจะตะบึงรถเสียงกระหึ่ม...เลือนรางจางหายไปจากม่านน้ำตาของดิฉันเอง

ไปสู่สุคติเถิดนะลุงนาค ฉันจะทำบุญกรวดน้ำไปให้อีก...อย่ามาปรากฏตัวให้ฉันหวิดช็อกตายอีกเลยค่ะ...บรื๋อส์!



ขนหัวลุก-ใบหนาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น