วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ผีที่โค้งเขาจันทร์

ท่านอาจจะเคยได้ยินกับความเฮี้ยนของโค้งเขาจันทร์ ซึ่งอยู่ในเขตของอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ซึ่งตอนนั้นยังเป็นทางสองเลนคือทางรถวิ่งสวนกันและเป็นทางลงเขาถ้าหากมาจากโคราช และเป็นทางขึ้นเขาถ้ามาจากสระบุรี มักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นช่วงที่เป็นทางโค้งกลางมอ และจะมีผู้เสียชีวิตเป็นประจำ เพราะรถเบรคไม่อยู่ ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้จะเป็นเลนเดียว ก็ยังมีอุบัติเหตุเป็นบางครั้งบางคราว

.....และเรื่องที่ข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟังนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับข้าพเจ้าเองในปี 2502 ในขณะนั้นข้าพเจ้าได้เรียนหนังสือภาคค่ำ
คือเป็นนักศึกษาผู้ใหญ่เรียนตั้งแต่ 19.00 - 21.00 น. เป็นประจำซึ่งการเรียนนี้ข้าพเจ้าต้องปั่นจักกรยานไปเอง

และมีเพื่อนไปเรียนด้วยกันอีก 3 คน มีจักรยานไปคนละคัน
และส่วนมากหลังจากเลิกเรียนแล้ว จะยังไม่กลับกันจะหาที่เที่ยวตามงานต่างๆตามประสาวัยรุ่นในยุคนั้น

ไม่ว่าจะมีงานที่ไหนจะเห็นพวกข้าพเจ้าที่งานคือถ้าระยะไม่เกิน 10 ก.ม. พวกข้าพเจ้าจะปั่นจักรยานไปเอง

.....และเมื่อถึงที่งานพวกเราจะแยกย้ายกัน เมื่อเจอสาวๆ และจะนัดกันกลับเวลาประมาณ 03.00 น. เป็นประจำพวกเราเที่ยวกันอยู่ประมาณ 3 ปีไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจนถึงปี 2522 เป็นเดือนอะไรข้าพเจ้าจำไม่ได้ มีงานซึ่งห่างจากโรงเรียนที่ข้าพเจ้าเรียนประมาณ 10 ก.ม. ซึ่งเป็นวัดติดกับถนนมิตรภาพเป็นงานฉลองรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม

พวกข้าพเจ้าหลังจากเลิกเรยนแล้วได้นัดหมายกันว่าหลังจากไปถึงงานแล้วให้แยกย้ายกันเหมือนเดิม จะมาเจอกันเวลา 03.00 น. ถ้าเกินนี้ให้พวกที่มาก่อนกลับได้เลย โดยปกติข้าพเจ้าเป็นคนที่กลับทีหลังเสมอ

เพราะคุยสาวเพลินประจำเพราะไม่มีนาฬิกาเลิกจากคุยสาวแล้วจ้าพเจ้าก็ออกมาที่ ประตูวัดถามคนในงานว่าเวลาเท่าไร

เขาบอกว่า 04.00 น . พวกเพื่อนๆ ได้กลับกันหมดแล้ว ข้าพเจ้าจึงต้องกลับคนเดียว หลังจากปั่นจักรยานมาได้ประมาณ 3 ก.ม. ก็มีคนเดินลงจากโค้งเขาจันทร์ ปกติข้าพเจ้าจะไม่ใช่คนกลัวผี
....แต่เมื่อคนนั้นเดินมาห่างจากข้าพเจ้าประมาณ 5 เมตร จึงรู้ว่าเป็นผู้ชาย แต่ให้ตายเถอะครับ จากแสงไฟของรถจักรยานชายคนนั้นเต็มไปด้วยเลือดไม่มีแขน ชายคนนั้นยังแสยะยิ้มให้ผม

ผมจึงตกใจหมดสติและฟื้นขึ้นมาหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนำผมส่งโรงพยาบาลและรุ่งขึ้นข้าาพเจ้ายังได้ทราบข่าวว่าที่โค้งนั้นมีสิบล้อชนคนตายและผู้ที่ตายนั้นแขนขาดทั้งสองข้าง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าไม่กล้าเที่ยวอีกเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น