วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เรื่องเล่าจากโฮปเวลล์

"ต้น" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจาก ก.ม.11

ผมเป็นหนุ่มไฟแรงอยู่ชุมชนภักดีมาหลายปีแล้วครับ บางท่านอาจจะสงสัยว่าอยู่ที่ไหน? ไม่เคยได้ยิน! ก็ถือโอกาสบอกกล่าวว่าอยู่แถว ก.ม.11 ถนนวิภาวดีฯ มีทางรถไฟผ่านหน้าหมู่บ้านด้วยครับ

เนื่องจากผู้คนมากมายขึ้นตามความเจริญของบ้านเมือง หน้าบ้านผมเลยมีสถานีย่อย ก.ม.11 อยู่ระหว่างสถานีบางซื่อกับบางเขนไงครับ

ก่อนถึงสถานีบางเขนก็คือวัดเสมียนนารีที่มีข่าวโด่งดังเรื่องผีๆ สางๆ หวังว่าท่านผู้คนส่วนใหญ่คงจะเคยได้ยินข่าวเรื่องผีสาวคู่หนึ่ง บ้างก็ว่าเป็นสองพี่ น้องถูกรถไฟทับตาย กลายเป็นผีดุวิญญาณเฮี้ยน แท็กซี่โดนหลอกหลอนหลายรายจนเป็นข่าวดังทั่วเมือง

เรื่องของเรื่องคือมีสองสาวโบกแท็กซี่แถวย่านรัชดาฯ ตอนดึกๆ ให้ไปส่งที่วัดเสมียนฯ น่าขนลุกตั้งแต่บอกปุ๊บก็ไปนั่งที่เบาะหลังปั๊บ ระหว่างทางก็ปรากฏรูปเงาวูบๆ วาบๆ มั่ง ขอให้ไปส่งในวัดมั่ง เล่นเอาแท็กซี่ใจคอไม่ค่อยดี ดึกเปลี่ยวในวัดน่ะชวนหนาวสันหลังอย่าบอกใคร...บางทีถึงจุดหมายก็หายตัวไปเฉยๆ

แท็กซี่ดวงซวยถึงกับเข้าเกียร์มือไม้สั่น ขนหัวลุกตั้งไปทันใด!

บางคนเจอะเจอเรื่องสยองขวัญยิ่งกว่านั้น...คือขับรถผ่านมาตอนดึกๆ เห็นผู้หญิงสองคนคลานไล่กันบนทางรถไฟ พอจ้องมองอย่างลืมตัวก็แทบช็อกตายคาที่...สองสาวนั่นน่ะแขนขาขาด เลือดโชกไปทั้งตัว แถมหันมาฉีกยิ้มเต็มใบหน้าเหวอะหวะอีกด้วย

แถวหน้าบ้านผมก็ไม่หยอกหรอกครับ ไหนจะต้นโพธิ์ต้นไทรร่มครึ้ม ตอนกลางวันก็อบอุ่นดีอยู่เพราะมีร้านค้าทั้งผัดไทย ต้มเลือดหมู ยาดองเหล้า ผลไม้ ข้ามทางรถไฟไปฝั่งโน้นก็มีบะหมี่เกี๊ยว ขนมนมเนย น้ำส้มน้ำหวานมีพร้อม

แต่พอตกค่ำคืนเท่านั้นแหละ ยิ่งดึกยิ่งเปลี่ยว แทบจะหาผู้คนไม่เจอ มีแต่หมาจรจัดเห่าหอนชวนขนลุกชะมัด

ลือกันว่าเคยมีคนโดนรถไฟชนมั่ง คิดสั้นโดดให้รถไฟทับตายมั่ง วิญญาณเจ็บปวดเหล่านั้นก็มักหาโอกาสมาปรากฏตัวให้คนขวัญอ่อนเผ่นอ้าวเป็นประจำ!

ผมเองน่ะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนกระทั่งเจอะเจอเข้ากับตัวเองจังๆ

คืนนั้นผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับไอ้โก้เพื่อนซี้ที่ซอยสวนผัก หลังจากนัดแนะกันเรียบร้อยว่าจะไปหาอะไรดื่มกินเพื่อความครึกครื้น ตามประสาหนุ่มโสดที่เงินเดือนออกตุงกระเป๋า...จุดหมายของเราคือพัฒน์พงษ์คนยากที่สี่แยกสะพานควายไงครับ

ที่นั่นมีผับมีบาร์เรียงรายเป็นสิบแห่ง โชว์เด็ดๆ ปลุกใจเสือป่า ไม่ว่าอะโกโก้ โคโยตี้ รูดเสา จนถึงวาดรูป สูบบุหรี่ เปิดโซดา...โอ๊ย! อย่าให้เล่ารายละเอียดเลยครับ เดี๋ยวจะไม่เหมาะ เอาเป็นว่าย่านนั้น หรือรู้จักกันในชื่อ "รังอีแร้ง" น่ะเป็นชุมทางของนักเที่ยวในย่านนั้นและใกล้เคียงก็แล้วกัน

ขอข้ามเรื่องการออฟเด็กไปโรงแรมม่านรูดที่อยู่แถวนั้น ไปถึงเรื่องขนหัวลุกนะครับ!

เราไม่กล้ายุ่งเกี่ยวเพราะกลัวโรคร้าย เดี๋ยวเอดส์จะถามหาเปล่าๆ ราวห้าทุ่มเศษก็จ่ายเงินบึ่งรถกลับรังนอน เพราะรุ่งขึ้นต้องไปทำงานกันทั้งคู่

ลมดึกปะทะหน้าตาอู้ๆ ยังดีที่เราสวมหมวกนิรภัยเรียบร้อย...จนกระทั่งใกล้จะถึงจุดหมายอยู่ร่อมร่อเมื่อเห็นโครงโฮปเวลล์ตั้งทะมึน...น่าเกลียดน่ากลัวทั้งสองฝั่งทางรถไฟ...มองเห็นทางข้ามรางรถไฟอยู่ซ้ายมือ พอดีรู้สึกอ้อมแขนของไอ้โก้รัดเอวผมแน่นผิดปกติ พลางส่งเสียงกระเส่าอยู่ข้างหู

"ไอ้ต้น...ไอ้ต้น กูเห็นอะไรไม่รู้บนโฮปเวลล์น่ะ..."

"ไอ้บ้า เห็นอะไรวะ?" ผมหัวเราะเมื่อพารถข้ามทางรถไฟแล้วเลี้ยวขวา

"คนนั่งห้อยขาอยู่บนนั้นว่ะ...หรือจะฆ่าตัวตาย" เสียงไอ้โก้เหมือนคนไข้หนัก "เฮ้ย! ทางฝั่งนี้ก็มี ไม่เชื่อมึงก็เงยหน้าขึ้นมองซี่"

ผมโคลงหัว ตอนนั้นรถชะลอลงแล้ว เลยเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะเย็บวาบไปทั้งตัว...ร่างดำเมื่อมของชายคนหนึ่งนั่งห้อยขาอยู่บนนั้นจริงๆ แต่ขาทั้งสองข้างของมันห้อยยาวลงมาเป็นวา...เล่นเอาหลุดปากร้องเฮ้ย! รถเป๋ไปจนเกือบล้มคว่ำ

พอตั้งหลักได้ผมตะบึงรถผ่านชุมชนภักดีไปยังสวนผักไม่คิดชีวิต ไอ้โก้กอดเอวผมแน่นจนถึงบ้านมัน...คืนนั้นต้องอาศัยนอนบ้านเพื่อน ขนหัวลุกไปนานเลยครับ!

ขนหัวลุก-ใบหนาด

3 ความคิดเห็น:

  1. ออกแนวตลก มากกว่าน่ากลัวอ่ะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ19 ตุลาคม 2553 เวลา 02:15

    ถ้าหนูเห็นเองคงจะช็อกและคงจะไม่สามารถตั้งสติขับรถต่อไปได้แน่ๆเลย

    ตอบลบ