วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ห้องพักสยอง

เมย์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหอพักผีสิง

กลางดึกสงัด เกือบจะตีสองแล้วที่เสียงประหลาดจากห้องข้างๆ ดังแทรกความเงียบขึ้นมา นับเป็นเสียงดิ้นขลุกขลักเหมือนใครกำลังทนทุกข์ทรมาน ฟาดแขนฟาดขากับที่นอนแล้วตกลงมาจากเตียง จากนั้นก็กระเสือกกระสนไปทั่วห้อง แล้วตะเกียกตะกายมาทุบผนังเพื่อขอความช่วยเหลือจากเรา

ฉันกับเก๋นั่งจับมือกันแน่นอยู่บนเตียง เราตัวสั่น น้ำตาคลอแทบจะหยด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว

ทำไมเราถึงเฉย ไม่ยอมไปช่วยเขาน่ะหรือ? ก็เพราะเรารู้น่ะซีคะว่าไม่มีใครอยู่ในห้องข้างๆ เราสักคน...เขาที่เคยอยู่ และเป็นเจ้าของเสียงดิ้นนี้ตายไปแล้วเมื่อสามวันก่อน

เราเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง เพิ่งจะมาเช่าหอพักอยู่ด้วยกันเมื่อตอนต้นเทอม คือเมื่อสามเดือนที่แล้วนี่เอง เราอยู่ชั้นที่แปดที่มีอยู่ราวสิบกว่าห้อง และไม่มีห้องว่างเลย ห้องข้างๆ เรานี่มีคนเช่าเป็นผู้หญิงอายุราว 25 ปี ตัวเล็กๆ ผอมๆ หน้าเศร้าๆ เราไม่รู้จักหรอกค่ะ แค่มองหน้ากันบางครั้งเมื่อเราเดินผ่านห้องที่เธอเปิดประตูทิ้งไว้ และนั่งดูทีวีเหงาๆ อยู่คนเดียว

ฉันจำเธอได้ติดตา โดยเฉพาะท่าที่นั่งชันเข่า ผมเผ้าหยิกฟูยาวประบ่า ใบหน้าแหลมๆ ตาโตดุๆ จำได้กระทั่งเสื้อกล้ามสีตุ่นๆ ที่เธอใส่กับกางเกงลายดอกสีแดงๆ


เวลาฉันเดินผ่านห้องเธอเราจะสบตากัน ฉันยิ้มให้เสมอ แต่เธอจะมองตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ถือสา...ผ่านกันทีไรฉันก็ยิ้มให้ทุกทีเหมือนเดิม แอบคิดว่าสักวันหนึ่งเธออาจจะอารมณ์ดี ยิ้มตอบให้ก็ได้

เก๋เคยนินทาว่ายัยคนนี้ท่าทางบ๊องๆ วันๆ เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง แอร์ก็ไม่เปิด แต่เปิดประตูแบบไม่แคร์สายตาใคร! ฉันบอกเก๋ว่าฉันเข้าใจว่าทำไมเธอทำแบบนั้น

แหม! ค่าเช่าเดือนละสี่พันห้า ค่าน้ำค่าไฟต่างหาก เธอคงเสียดายค่าแอร์เลยทนอุดอู้ เปิดหน้าต่างเปิดประตูให้อากาศไหลผ่านก็พอเออ...จริงสินะ ฉันไม่รู้ว่าเธอทำงานทำการอะไร แต่ที่แน่ๆ เธอไม่ใช่นักศึกษา

ฉันกับเก๋เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันก็จริง แต่อยู่คนละคณะ เราจึงมีตารางเรียนต่างกัน บางวันฉันเรียนเช้าแต่เก๋เรียนบ่าย ฉันหยุดวันจันทร์ เก๋หยุดวันพฤหัสฯ ดังนั้น บางสัปดาห์ฉันจะกลับบ้านในเย็นวันเสาร์จนถึงเช้าวันอังคารจึงมาเรียน และมานอนหอ ส่วนเก๋ไม่ไปไหนเลยอยู่หอตลอดเพราะบ้านเธออยู่ต่างจังหวัด

คืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันอาทิตย์ที่เก๋นอนหอคนเดียว!

เธอเล่าว่ากำลังหลับอยู่ดีๆ ก็ต้องตกใจตื่น เพราะมีเสียงดังเหมือนคนตกเตียงจากข้างห้อง ตกไม่ตกเปล่า กวาดเอาข้าวของหล่นโครมครามกระจัดกระจาย และมันก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น แต่มีเสียงดิ้นขลุกขลักอีกด้วย

เก๋นอนฟังด้วยใจเต้นระทึกสักพักหนึ่ง แล้วเธอก็ลุกไปเคาะประตูห้องข้างๆ ร้องถามว่า "พี่ๆ เป็นอะไร?"

ไม่มีเสียงตอบ...เก๋เลยกลับมานั่งงงอยู่บนเตียง จนได้ยินเสียงทุบข้างฝา เธอเลยโทร.ลงไปบอกแม่บ้านที่ดูแลหออยู่ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

กว่าคุณแม่บ้านและรปภ.จะขึ้นมา เวลาก็ล่วงไปเกือบครึ่งชั่วโมง...เมื่อไขประตูเข้าไปก็พบว่าผู้หญิงห้องนั้นนอนน้ำลายฟูมปาก เป็นฟองปนเลือดเป็นลิ่มๆ ครางด้วยเสียงน่าสยดสยอง...และขาดใจต่อหน้าเก๋ไปเลย!

ตำรวจและมูลนิธิมาชันสูตรกันตอนค่อนรุ่ง เล่นเอาคนตื่นทั้งหอ...เป็นอันรู้กันว่า ผู้หญิงคนนี้ดื่มน้ำยาล้างท่อฆ่าตัวตาย


หลังจากเหตุการณ์สลดนั่น ประตูห้องก็ปิดตาย โดยที่ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างยังอยู่ ไม่มีญาติหรือเพื่อนของผู้ตายมาเก็บไป...เวลาฉันเดินผ่านจะรู้สึกเสียววาบๆ เหมือนมีสายตาของใครบางคนจ้องตามหลังจนเย็นยะเยือก...

ชั้นแปดของเรามีคนย้ายออกไปหลายรายเลยละค่ะ โดยเฉพาะห้องใกล้ๆ เราเลยรู้สึกเหมือนถูกปล่อยเกาะ!

ฉันกันเก๋ขอย้ายไปอยู่ชั้นอื่นก็ยังไม่มีห้องว่าง ครั้นจะบอกคืนหอก็เสียดายค่าประกันตั้งเกือบห้าพัน...คือถ้าเราอยู่ไม่ควรสิบเดือนตามสัญญาเช่า เงินจำนวนนั้นจะไม่ได้คืนค่ะ

แต่พอเธอตายไปได้สามวันแล้ว ห้องที่ปิดตายนั้นก็มีเสียงดิ้น เสียงทุบผนังดังขึ้นมาแบบนี้ เราคงอยู่ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ มันน่ากลัวจนบอกไม่ถูก

ในที่สุด ฉันกับเก๋ก็ไปหาหออยู่ใหม่ ยอมทิ้งเงินประกันที่หอเก่าไปอย่างแสนเสียดาย ฉันปลอบเก๋ว่าดีแล้วล่ะ ผีดุขนาดนั้นใครจะทนอยู่ได้ ฉันว่าอีกไม่นานคนอื่นๆ ในชั้นแปดก็ต้องอพยพออกหมดแน่ๆ และไม่นานก็จะมีคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าไปเช่าหออยู่อีก

แต่จะให้ฉันกลับไปอยู่น่ะไม่เอาแล้ว ขนาดนั่งรถผ่านหอนั้นเรายังขนลุกเลยค่ะ!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น