วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

หลอนสุดๆ

หลอนสุดขีด (ข่าวสด)

"เป้" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากคอนโดฯ ผีสิง พ่อไม่น่าขายบ้านแล้วมาอยู่คอนโดฯ เลย ผมน่ะเซ็งที่สุด ถ้ายังอยู่ที่บ้านเราอาจจะสุขสงบ ไม่มาเจอผีหลอกวิญญาณหลอนกันขนาดนี้หรอก

ตอนขายบ้านเมื่อปีกลายผมต้องแอบร้องไห้...ลูกผู้ชายอายุสิบสามอย่างผมไม่อยากเสียน้ำตาหรอก แต่มันอดไม่ได้จริงๆ ผิดกับแม่และน้องปุ้ยของผม สองแม่ลูกนั้นร้องไห้ฮือๆ เลยเชียว ทีแรกก็ไม่คิดอะไรมากเพราะเห็นพ้องกันว่าบ้านเราใหญ่เกินไป เนื้อที่ก็กว้างขวางเกินไป... เป็นมรดกตกทอดมาจากคุณตาคุณยายที่ท่านไปสวรรค์แล้วทั้งคู่

บ้านใหญ่นี่เป็นภาระมากครับ พ่อบอกว่าเราไม่ใช่คนร่ำรวย ต้องดูแลรักษาและควรมีสาวใช้สักสามคน ไหนจะต้องตัดหญ้า ดูแลสวน สารพัดละที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายน่ะ

ในที่สุด พ่อก็ตัดสินใจขายบ้านพร้อมที่ดิน ได้เงินหลายสิบล้านเชียวละ แล้วก็ย้ายมาอยู่คอนโดฯ แถวพระรามสาม เป็นห้องชุดขนาดเหมาะเจาะกับครอบครัวเรา มีตั้งสามห้องนอน คือห้องใหญ่ของพ่อกับแม่ ส่วนผมกับน้องปุ้ยได้มีห้องนอนส่วนตัวอยู่กันคนละห้อง

ตอนแรกผมก็ชอบใจแต่คิดถึงบ้านเก่าชะมัด ต้องนอนน้ำตาไหลคนเดียวอยู่นาน พ่อเองยังพูดกับแม่ว่าไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิด ผมคิดว่าพ่อไม่ผิดหรอกครับ ดีแล้วละ...ผม ปลอบปุ้ย ว่าเราต้องตัดใจจากอดีตและก้าวไปข้างหน้า! ผมพยายามเข้มแข็งเข้าไว้ จนกระทั่งเกิดเรื่องร้ายในคอนโดฯ ของเรา

เย็นวันหนึ่ง ผมกับปุ้ยกลับจากโรงเรียนแล้วก็ต้องตื่นตกใจที่เห็นรถตำรวจ รถมูลนิธิและรถข่าวเยอะแยะไปหมด ...เอ๊ะ! เกิดอะไรขึ้นนะ?

ผมทราบจากเพื่อนร่วมคอนโดฯ และแม่ของผมว่ามีผู้หญิงผูกคอตาย ที่ร้ายที่สุดจนผมแทบเป็นลมก็คือ...ห้องที่เกิดเหตุนั้นอยู่ชั้นบนตรงกับห้องชุดของเราพอดีเป๊ะ!

เอาละซิ...น้องปุ้ยตัวสั่นเลย บอกว่าปุ้ยนอนคนเดียวไม่ได้แล้วละ ต้องนอนกับพ่อกับแม่! บรื๋อออ.... ปุ้ยยังเป็นแบบนี้ แล้วผมจะอยู่ได้ไงล่ะครับ? ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมย้ายหมอนกับผ้าห่มไปนอนในห้องพ่อแม่ด้วย โดยเอาที่นอนปิกนิกมาปูข้างเตียงที่พ่อแม่นอน เจ้าปุ้ยน่ะได้รับสิทธิพิเศษในฐานะเป็นลูกสาวตัวน้อย เลยได้นอนกอดแม่อยู่บนเตียงสบายแฮ

พูดถึงผู้หญิงที่ฆ่าตัวตาย เราก็เคยเห็นหน้าเธอบ่อยๆ แถมเคยยิ้มกับผมด้วย...แม่บอกว่าเธอเป็นสาวสวยที่มีเสี่ยเลี้ยงเป็นเมียน้อย แล้วเสี่ยก็มาซื้อคอนโดฯ ให้อยู่ แต่เกิดน้อยใจอะไรไม่ทราบ เธอด่วนทำลายชีวิตตัวเองอย่างสยดสยอง

วันแรกผมกลัวจนนอนไม่หลับ แม่กับปุ้ยก็เหมือนกัน ผมว่าพ่อก็ด้วยละน่า! คือพ่อเปิดไฟห้องน้ำแล้วแง้มประตูไว้ให้ห้องพอมีแสงสว่าง แต่ผมก็ยังกลัวอยู่ดี และหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้

เฮ้อ...กลัวผีนี่มันทุกข์จริงๆ นะครับ เรากลัวอยู่นานมากๆ ยิ่งได้ข่าวลือว่าผีผู้หญิงคนนี้มาปรากฏตัวให้คนโน้นคนนี้เห็นเราก็ยิ่งผวา แหม! อย่าลืมซิครับ ห้องที่เกิดเหตุน่ะอยู่บนหัวเราพอดี ว่ากันว่าคนที่อยู่ร่วมชั้นกับเธอน่ะ ย้ายไปหลายรายแล้ว คืนหนึ่ง หลังจากเธอตายสยองได้เดือนกว่าๆ เธอก็มาหาเรา!

คืนนั้น ผมหลับหรือยังตื่นอยู่ก็ไม่รู้ มันลอยๆ เหมือนฝัน หนังตาหนักอึ้ง และแขนขาก็ขยับไม่ได้...ผมนอนหงายและรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่บนเพดาน ทันใดนั้น ผมรู้สึกหนาวเข้ากระดูกดำ และสั่นสะท้านเหมือนคนเป็นไข้หนัก...

สิ่งที่เคลื่อนไหวบนเพดานก่อรูปก่อร่างเป็นผู้หญิงผมยาวห้อยกวัดแกว่งไปตามลีลาที่เธอคลาน โดยเอามือและเข่าเกาะเพดานไว้อย่างน่าขนลุกขนพอง ผมกลัวจนหลับตาปี๋ ...แต่ภาพที่เธอกำลังคลานไปมาทั่วเพดานห้องเรายังแจ่มชัดเหมือนจะแกล้งเขย่าขวัญ และแล้ว เสียงพ่อก็โวยวายไม่เป็นภาษาขึ้นมา!

ไฟสว่างพรึ่บ แม่นั่นเองเป็นคนเปิดไฟ ปรากฏว่าพ่อกับผมเห็นสิ่งสยองนั่นเหมือนๆ กัน เรากลัวแทบขาดใจ...ผมยอมรับว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยหวาดกลัวอะไรสุดขีดแบบนี้มาก่อนเลย

อีกไม่กี่วันต่อมา พวกเราชาวคอนโดฯ ก็ทำบุญครั้งใหญ่ อุทิศส่วนกุศลให้เธอ แต่ทุกคนก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะไปจากที่นี่หรือยัง เพราะข่าวว่ายังมีคนเห็นเธออยู่ บ่อยบ้าง นานๆ ทีบ้าง

ผมซึมไปเลย คิดถึงบ้านมากที่สุด... นี่ถ้าเรายังอยู่บ้านเราจะไม่มีวันเจอเรื่องสยองแบบนี้แน่ คุณว่าจริงไหมครับ?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น