วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

ลบยันต์ที่ประตู เลยเจอดี!!

เราเคยอยู่ห้องเช่ากับเพื่อนผู้หญิงที่หน้าโรงพยาบาลทหารเรือ ตอนที่ย้ายเข้าไปเจ้านายซึ่งเป็นคนเลือกห้องให้ อำเล่นโดยการคุยกับเพื่อนเขาให้เราได้ยินว่า "เฮ้ย ไอ้นักร้องคนนั้นที่มันตายในห้องมันผูกคอตายหรือแทงตัวตายวะ" เราเลยพูดแทรกเจ้านายว่า อย่าอำเสียให้ยากเลย เราไม่มีความเชื่อเรื่องนี้หรอก ไม่กล้วจ้า และเมื่อเราย้ายของเข้าไป ตอนนั้นงงมาก ว่าทำไมห้องนี้มันร้างมานานหรือยังไงเนี่ย เพราะฝุ่นที่พื้นเยอะมาก และที่สำคัญวงกบประตูห้องน้ำซึ่งเป็นไม้ มีปลวกขึ้นจนมีขุยดินซึ่งเกิดจากปลวกเยอะมาก ถ้ามีคนอยุ่เวลาอาบน้ำ ดินจะถูกล้างออกไป หรือไม่ ปลวกก็คงเสนอหน้าออกมาอย่างนี้ไม้ได้ แต่ก็แค่สงสัยเท่านั้นว่าตึกใหม่ๆ อย่างนี้ และเจ้าของเองก็บอกว่า

ห้องมักจะเต็มตลอด เอทำไมห้องนี้เหมือนร้างมานาน วันแรกที่ย้ายของเข้าไปก็ทำความสะอาดกันยกใหญ่ เราถูพี้นด้วยมือตัวเอง นั่งคุกเข่าถู ถู และถู ไปเรื่อยๆ จนวนไปถึงประตูห้อง ก็เลยถือโอกาสเช็ดประตูไปด้วย โดยเริ่มเช็ดจากล่างขึ้นบน จนไปถึง..เอ แป้งอะไรหว่าติดประตู ก็ไม่ทันคิดอะไร ยังคงถูสุงขึ้นเรื่อยๆ จนสงสัย แป้งอะไรวะ เลยยืนและถอยหลังออกมาดูระยะห่างพอสมควร อ้าว ซวย นี่มันยันต์นี่หว่า แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่เพียงว่า คงจะมียันต์ที่ประตูทุกห้องมั้ง ตอนเราย้ายเข้ามา ไม่ทันสังเกตุ แต่พอคืนแรกที่ย้ายเข้าไป กลางดึก เพื่อนบอกว่า ตัวเอง ขอเปิดไฟนอนได้มั้ย ?? เราก็บอกว่าปกติเธอเปิดไฟนอนเหรอ เพื่อนบอกเปล่า เราก็เลยถามว่า แล้วจะเปิดทำซากอะไร กลัวเราเหรอ ผีน่ากล้วกว่าเรานะ เพื่อนรีบเอามือปิดปาก แล้วบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เล่าให้ฟัง พอรุ่งเข้าต่างคนต่างรีบไปทำงานก็เลยไม่ได้คุยกัน จนตอนเย็นเพื่อนบอกว่า วันนี้จะไปค้างกับเพื่อนที่หน้ารามฯ นะ อ้าว นอกจากจะไม่เล่าเรื่องเมื่อคีนแล้วยังทิ้งตูอีก ก็ช่างเหอะ เราก็กลับห้องพักคนเดียว นอนคนเดียวก็ไม่เห็นมีอะไร แต่เพื่อนที่อยุ่ด้วยกันเธอชอบทำท่าประหลาด

ชอบถามว่าเคยเจออะไรมั้ย แต่ไม่ยอมเล่าว่าเจ้าหล่อนเจออะไร แต่เจ้าหล่อนมักจะไม่ยอมนอนค้างกับเราในคืนวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ โดยให้เหตุผลว่าต้องไปนอนกับเพื่อนที่หน้ารามฯ จนมีอยุ่วันหนึ่ง ขณะที่ล้มตัวลงนอน แต่ยังไม่หลับ เราก็มองนั่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อยในความมืด จนตาเริ่มชินกับความมืดจึงเห็นสิ่งของบ้าง แต่ไม่ชัดเจนนัก มองไปเรื่อยเปื่อยจนไปหยุดอยู่ที่พัดลมติดเพดาน ก็สงสัยว่า เอทำไมพัดลมมันห้อยลงมานิดๆ นะ คือทำท่าจะหลุดจนเห็นสายไฟของตัวพัดลมซึ่งร้อยติดอยู่กับเพดาน เอ..มันน่าจะมีสาเหตุจากการที่ต้องถูกดึงรั้งจากอะไรสักอย่างที่หนักเอาการ มันถึงห้อยลงมาแบบนี้ เท่านั้นแหละ เจอเลย เรานอนหงายลืมตาอยู่แต่ทุกอย่างมืดสนิท ในความมืดนั้น ยังมีมืดกว่าอีกและรับรู้ได้ว่ามีบางอย่าง บางสิ่ง เป็นผุ้หญิง นอนลอยเหนือเราอยู่ หน้าแทบจะชนกับจมูกเรา เรากลัวจนไม่กล้ากระดิกตัว ถามตัวเองว่า นี่ใช่ผีหลอกอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่แล้วเป็นอะไรล่ะ เราจึงนอนอยุ่นิ่งๆ

ตั้งสติแล้วพยามยามคิดว่าคงเป็นเงาของอะไรสักอย่าง แต่ทำไมเรารุ้สึกว่า เงามืดนั้นเศร้ามากและโกรธแค้นอะไรสักอย่าง จึงตั้งสติใหม่และบอกกับสิ่งนั้นว่า เราและคุณไม่เคยรู้จักกัน และเราเองไม่เคยทำร้ายคุณเลย คงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่คุณจะมาทำร้ายเรา หรือทำให้เรากลัวจนแทบตาย ดังนั้น หากคุณจากโลกนี้ไปด้วยความทุกข์และความเศร้า ก็อย่าเพิ่มความทุกข์ให้ตัวเองด้วยการมาทำร้ายเราเลย มันบาปนะ หรือถ้าต้องการให้เราช่วยเหลืออะไร ก็มาดีๆ มาทางความฝันเถอะ จะได้คุยกันได้ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเราจะช่วย เงานั้นจึงค่อยๆ จางลงไป จนเรามองเห็นพัดลมเหมือนเดิมก่อนที่เธอจะมา พอหายจากอาการนั้นแล้ว เราจึงเผ่นไปเปิดไฟนอน เออ อย่างนี้นี่เอง เพื่อนมันถึงขอให้เราเปิดไฟนอน เราอยู่ห้องนั้นต่อไปคนเดียวโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรอีกเลย ทั้งๆที่ไม่ได้ไปทำบุญให้เธอผู้นั้น หรือฝันถึงเธอผู้นั้นอีก จนเราเองคิดไปว่า เหตุการณ์ที่เราเจอคงเป็นเรื่องของการนอนทับเส้นประสาทอะไรสักอย่างของเรามากกว่าเรื่องของวิญญาณ จนผ่านไปหลายปี เราย้ายห้องพักไปอยู่ที่ใหม่ มีอยู่วันหนึ่งขณะนั่งเล่นอยู่ที่ศาลานั่งเล่น ก็มีผู้เช่าห้องหลายคนมานั่งคุยกัน คุยกันหลายเรื่องจนถึงผู้หญิงคนหนึ่งเธอเล่าว่า เพื่อนของเธอเป็นนักร้อง และมีผู้ชายมาติดพัน ขอเลี้ยงดูเป็นเมียลับๆ

จนกระทั่งนักร้องคนนั้นท้องได้ 2 เดือน พอผู้ชายรู้เข้าก็หายหน้าไปเลย นักร้องคนนั้นจึงโทร.ไปตามและขู่ว่าถ้าไม่มาคืนนี้จะผูกคอตาย เมื่อรอจนผู้ชายไม่มา นักร้องคนนั้นจึงได้ผูกคอตายจริงๆ เพื่อนๆ ไปพบศพของเธอห้อยอยู่กับพัดลมติดเพดาน 3 วันหลังเธอตาย เรากลืนน้ำลายดังเอี๊อก ถามเล่นๆว่า นักร้องคนนั้นอยู่อพาร์ทเม้นท์ชื่ออะไร ผุ้หญิงคนนั้นตอบชื่อ...... เราถามต่อไปว่าห้อง 503 หรือเปล่า เธอถามเรากลับว่ารู้เบอร์ห้องได้อย่างไร เราตอบว่า อิฉันพึ่งย้ายออกมาจากห้องนั้นค่ะ แต่ววววว !!!!!!!!!

1 ความคิดเห็น: