วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

วิญญาณร้องไห้

ผมมีเพื่อนรุ่นพี่ชื่อโก้ อายุเกือบสี่สิบปีแล้วละครับ พี่โก้เป็นช่างอยู่ที่อู่ซ่อมรถยนต์ย่านรองเมือง มีครอบครัวน่ารักคือ พี่ดาว และลูกชายวัยสิบกว่าขวบอีกสองคน ดูๆ แล้วไม่ว่าใครก็บอกว่าพี่โก้มีชีวิตที่ "ลงตัว" ทั้งนั้น

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนเสเพลเรื่องอื่นๆ แต่พี่โก้ก็มีจุดอ่อนอยู่ที่เป็นคนดื่มเหล้าจัด ชอบเฮฮากับเพื่อนฝูงเป็นประจำ บางทีก็ดึกดื่นค่อนคืนกว่าจะขับรถมาถึงบ้านที่สามแยกเตาปูน

บางทีวันเสาร์-อาทิตย์ ที่พี่โก้เคยบอกใครๆ ว่าจะยกให้เป็นวันของครอบครัวไม่ยอมออกไปดื่มเหล้าที่ไหนเด็ดขาด ถึงพี่โก้จะรักษาคำพูดแค่ไหนก็เถอะเอ้า แต่ส่วนมากมักจะมีมารผจญ...เอ๊ย! มีเพื่อนฝูงมาหา หอบเหล้าหอบกับแกล้มมาตั้งวงที่บ้านแกจนได้

เรื่องนี้ผมเห็นใจพี่โก้ครับ โธ่! เพื่อนฝูงอุตส่าห์มาหาถึงบ้านทั้งที ไม่รักใคร่กันจริงไม่นัดหมายกันมาหาหรอก พี่ดาวเคยบอกกับพ่อแม่ผมว่า ถือคติโบราณ...ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ! กับยอมรับว่าเพื่อนๆ พี่โก้นิสัยดีกันทุกคน ไม่หยาบคายหรือทะลึ่งตึงตัง เมามายแค่ไหนก็ไม่เอะอะโวยวาย มีแต่จะพูดคุยกันสนุกสนาน ประเภทกินสลึงเมาบาทไม่มี

พี่โก้เองดูๆ ก็เป็นคนน่าแปลกสำหรับพวกเพื่อนบ้านเช่นกัน!

นั่นคือ เป็นคนหน้าตาปี หุ่นสูงโปร่ง ไม่มีลักษณะว่าหน้าฉุ พุงป่อง แถมมนุษยสัมพันธ์ยอดเยี่ยม ไม่ว่าใครๆ ก็ชอบทั้งนั้น...หลายๆ คนยังเคยออกปากว่า กินเหล้าเหมือนกินน้ำ ทำไมรักษาร่างกายได้ดียิ่งกว่าคนวัยเดียวที่ไม่ได้แตะต้องเครื่องดองของเมาซะด้วยซ้ำไป

ที่น่าแปลกอย่างต่อมาก็คือ พี่โก้ดื่มหนักมาราวสิบปีแล้ว แต่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ทั้งมากและน้อยแม้แต่ครั้งเดียว! ข้อสำคัญก็คือ...พี่โก้อดเหล้าเข้าพรรษาทุกปี!

อดจริงๆ จังๆ เคร่งครัดและใจคอเข้มแข็งขนาดที่ไม่ยอมแตะต้องเลย เพื่อนฝูงที่เมาตลอดปีตลอดชาติเคยหิ้วเหล้ามาโจ้ที่บ้าน พี่โก้กับพี่ดาวก็ต้อนรับขับสู้ ไม่ว่าเหล้า โซดา หรือกับแกล้มไม่ขาดตกบกพร่อง ใครอยากดวดดื่มเท่าไหร่ก็เชิญตามสบาย ส่วนพี่โก้ไม่แตะต้องเด็ดขาด...จนกว่าจะออกพรรษา

ตอนแรกๆ เพื่อนฝูงก็คะยั้นคะยอ ยั่วเย้าว่าอย่ามัวแต่ดื่มน้ำส้มน้ำหวานอยู่เลย เดี๋ยวก็เมาสลบ...เอาเหล้าซักแก้วสองแก้วดีกว่า แต่พี่โก้หัวเราะส่ายหน้าลูกเดียว พวกเพื่อนๆ เห็นว่าไร้ผลก็เลิกตื๊ออีกต่อไป

พวกที่อดเหล้าเข้าพรรษาจะน่ากลัวก็ตอนก่อนเข้าพรรษากับออกพรรษา เพราะจะดื่มเหล้ากันหัวราน้ำ ก่อนจะอดเหล้าเรียกว่า "ปิดก๊อก" ผ่านสามเดือนเริ่มดวดเหล้าใหม่เรียกว่า "เปิดก๊อก" หลายคนดื่มหนักชนิดไม่ยับยั้ง ถูกหามเข้าโรงพยาบาลไปหลายราย บางคนดวงขาดถึงกับตายคาขวดก็มี!

เหตุการณ์สยองขวัญอุบัติขึ้นตอนจะเข้าพรรษานี่เองครับ!

พี่โก้กับเพื่อนที่ "บวชเหล้า" สามเดือนตรงกัน กระทำพิธีปิดก๊อกล่วงหน้าขนานใหญ่มาราวสิบวันได้ ถึงจะขับรถกลับบ้านดึกหน่อยก็ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ บางคืนกลับมาแล้วก็เปิดเหล้าบรรเลงน้ำเมาคนเดียวจนฟุบคาโต๊ะไปเลย

คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายแล้ว...ราวห้าทุ่มเศษฝนกำลังตกพรำๆ ก็เกิดเสียงโครมสนั่นกลางซอย เล่นเอาชาวบ้านแตกตื่นกันออกไปดู...ภาพที่เห็นคือรถยนต์ของพี่โก้ชนเสาไฟฟ้าพังยับเยิน ตัวเองออกจากรถมาอาเจียนโอ๊กอ๊าก...เดินโซซัดโซเซพลางคายของเก่าน่าขนลุก มุ่งหน้าไปบ้านที่อยู่ไม่ไกลนัก...พี่ดาววิ่งลงมาเปิดประตูก็พอดีพี่โก้ฟุบฮวบลงสิ้นใจตาย!

ไม่มีใครรู้แน่ว่าพี่โก้ตายเพราะอุบัติเหตุ หรือเพราะดื่มเหล้ามากเกินไป?

แต่ที่แน่ๆ ก็คือ หลังจากเผาศพแกที่วัดเซิงหวายไปได้สามคืน...วิญญาณของพี่โก้ก็มาปรากฏที่แดนตายของแกทันที!

ตอนดึกๆ ได้ยินเสียงหมาหอนโจ๋วมาจากปากซอย บางคนนึกถึงพี่โจ้ก็ขนลุกซ่า บางคนก็ยืนยันว่าแว่วเสียงรถยนต์ของแกแล่นเข้าซอยมาช้าๆ แต่ที่ชาวบ้านหลายคนได้ยินตรงกันก็คือเสียงอาเจียนโอ๊กอ๊ากน่ากลัว ตอนแรกๆ ยังมีคนพาซื่อคิดว่าใครในซอยเมามายขนาดหนักเพิ่งจะตุปัดตุเป๋กลับบ้าน

คืนหนึ่ง ผมได้ยินเสียงพี่ดาวร้องกรี๊ดๆ อยู่ที่หน้าต่างชั้นบน ครั้นลุกไปชะโงกหน้าดูก็เย็นวาบไปทั้งตัวเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนเกาะรั้วเงยหน้ามอง...หน้าตาซีดเซียวของพี่โจ้นั่นเองที่ขาวซีดอยู่ในแสงไฟ ดูเหมือนจะมีน้ำตาไหลรินลงมาตามร่องแก้มเป็นทางยาว

เสียงหมาหอนโหยหวนน่าสยองขวัญ แต่ภาพใบหน้านั้นก็ทำให้หัวใจตีบตื้นด้วยความเวทนา หลุดปากออกมาว่า...โธ่! พี่โก้...ไม่น่าเลย...

ลมเย็นเฉียบกระโชกวูบ พัดร่างนั้นให้วูบวับดับหาย...เหลือแต่เสียงสะอึกสะอื้นด้วยความทุกข์ทรมาน ก่อนจะจางหายไปกับสายลม...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น